สวนนงนุช

ahdiwehfdw

สวนนงนุช  (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่  ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด  เช่น  สวนกล้วยไม้  เฟิน  สับปะรดสี  สวนไม้พุ่มไม้ดัด  สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก  สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ   สวนบอนไซ  สวนเฟื่องฟ้า  สวนโมก  สวนน้ำพุ   สวนหิน  สวนฝรั่ง  สวนผีเสื้อ  สวนรถไฟจำลอง  สโตนเฮนจ์  ฯลฯ  พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย  มีห้องประชุมสัมมนา  สวนสัตว์  และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย  ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง  ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว   กีฬาพื้นบ้าน  และการแสดงของช้าง

เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน  กระทั่งปี พ.ศ. 2497  คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช  ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้  แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม  โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7 นาจอมเทียน  อำเภอสัตหีบ
การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร  โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท  บริเวณ กม. 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท   ชาวต่างชาติ 200 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3870-9358-61, 0-3823-8158, 0-384-29321  โทรสาร 0-3823-8160
สำนักงานกรุงเทพฯ  โทร. 0-2252-1768, 0-2251-2161  โทรสาร  0-2252-9975
เว็บไซต์  www.nongnoochtropicalgarden.com

ปราสาทสัจธรรม

ปราสาทสัจธรรม

ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth)  ตั้งอยู่  ณ บริเวณอ่าววงพระจันทร์  แหลมราชเวช   ตำบลนาเกลือ  ในเนื้อที่  80 ไร่  งดงามด้วย “สถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก”  ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า  “วังโบราณ”   บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารว่า “ปราสาทไม้”  แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้าง  คือ  คุณเล็ก วิริยะพันธุ์  (ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ  จังหวัดสมุทรปราการ)  เรียกอาคารแห่งนี้ว่า

ปราสาทสัจธรรม เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2524  จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง  ไม่มีโลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นส่วนฐานที่เป็นคอนกรีต  มีการใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย  หรือใส่สลักไม้ตามภูมิปัญญาโบราณ  ตัวปราสาทเป็นทรงจัตุรมุข  สูง 100 เมตร  กว้าง 100 เมตร  แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรพิสดาร   ทั้งภายนอกและภายใน  กล่าวกันว่างามดั่งเทพนฤมิต  สะท้อนแนวคิดนามธรรมออกมาตีแผ่เป็นรูปธรรมให้สัมผัสได้    สื่อถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออก

ที่ตั้ง : เลขที่ 206/2  หมู่ 5 แหลมราชเวช  อ่าววงพระจันทร์  ตำบลนาเกลือ  อำเภอบางละมุง  ห่างจากพัทยาใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 ตรงเข้าไปจนเกือบสุดซอย  มีซุ้มประตูขนาดใหญ่ของปราสาทสัจธรรมอยู่ทางขวามือ
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม :  ผู้ใหญ่  500 บาท  เด็ก  250 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3836-7815, 0-3836-7229, 0-3822-5407
เว็บไซต์   www.sanctuaryoftruth.com

อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา

IMG_7658

อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  (Underwater World Pattaya)  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งทำให้ผู้มาเยือนเหมือนกับได้เดินทางดำดิ่งลงสู่โลกใต้ทะเล  โดยเริ่มจากชายฝั่งอันเป็นหาดทรายและแก่งหิน  ลงลึกไปยังดงปะการังสีสันสดใส  จนถึงท้องทะเลลึก  นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมในอุโมงค์ซึ่งสร้างเป็นทางลอดไปในอะควาเรียมขนาดใหญ่  ที่จำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติใต้ทะเลไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิด

อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546  ในเนื้อที่ 12 ไร่  และมีสัตว์น้ำมากกว่า 4,500 ตัว  จาก 200 กว่าชนิด  โดยจัดแสดงสัตว์น้ำไว้ในอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ  มีการสร้างเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวมากกว่า 100 เมตร  นับเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวที่สุดของเอเชีย  มีสัตว์ทะเลหลายชนิดจัดแสดง  ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างปลาการ์ตูน  ม้าน้ำ  ไปจนถึงสัตว์อย่างฉลาม  กระเบนขนาดใหญ่  และนากเล็กเล็บสั้น  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีบ่อสัมผัส (Touch Pool)  ให้นักท่องเที่ยวจุ่มมือลงไปสัมผัสสัตว์ทะเลที่มีนิสัยเป็นมิตรบางชนิดได้อย่างปลอดภัย  อาทิ  ปลาดาว  ฉลามกบ  ฯลฯ

ที่ตั้ง : เลขที่ 22/22  หมู่ 11 หลัก กม. 151 ริมถนนสุขุมวิท  ตำบลหนองปรือ  อำเภอบางละมุง (ช่วงจอมเทียน)
การเดินทาง : อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  ตั้งอยู่ริมถนน  สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก  ทั้งรถยนต์ส่วนตัว  และรถโดยสารประจำทาง
เวลาทำการ : 09.00-18.00 น.  ทุกวัน  (เปิดรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้าย 17.30 น.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 180 บาท  เด็ก  120 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3875-6876-9  โทรสาร  0-3875-6875
เว็บไซต์  www.underwaterworldpattaya.com

เกาะสีชัง

img_0569

เกาะสีชัง เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี  เป็นที่จอดเรือสินค้านานาชาติ  และเป็นเกาะน่าท่องเที่ยวในบรรยากาศท้องถิ่น  ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้  ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ  และเป็นพื้นที่ตั้งท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง)  รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปสู่จุดท่องเที่ยวต่างๆ บนเกาะ

จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะสีชัง  ได้แก่

ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ  ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ  ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน  ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย  ภายในมีศาลเจ้าพ่อเฮ่งเจีย  ศาลเจ้าแม่กวนอิม  วิหารพระสังกัจจายน์  ฯลฯ  ช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีผู้คนมาบวงสรวงกันอย่างเนืองแน่น  เชื่อกันว่าถ้าใครได้มาไหว้ครบ 3 ครั้งใน 3 ปี จะร่ำรวย  จากบริเวณศาลสามารถมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้อย่างชัดเจน

รอยพระพุทธบาท  อยู่บนยอดเขาเหนือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่  จำลองขึ้นจากรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช  เมื่อปี พ.ศ. 500  มีความยาวศอกเศษ  ทำจากหินชนวน  สมเด็จฯ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาจากวัดพุทธคยา  ประเทศอินเดีย  แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนยอดเขา  นอกจากนี้ยังมีพระบรมสารีริกธาตุให้สักการบูชาอีกด้วย  จุดชมวิวยอดเขาพระพุทธบาทสามารถชมอาทิตย์อัสดงได้งดงามมาก  เพราะจะมองเห็นตัวเกาะสีชังทั้งเกาะ  รวมถึงเกาะขามใหญ่  และทัศนียภาพทะเลโดยรอบ

ช่องเขาขาด และหาดหินกลม  ตั้งอยู่ด้านหลังเกาะ  ชาวบ้านจึงเรียกกันติดป่าว่า  “หลังเกาะ” หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา  ในบริเวณนี้มีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์  ซึ่งมองเห็นพระอาทิตย์อัสดงได้อย่างงดงาม  นอกจากนี้ยังมีหาดหินกลมที่เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดต่างๆมากมาย ในอดีตหาดหินกลมเคยเป็นสถานที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5

ศิลาจารึก  ตั้งอยู่ข้างสนามฟุตบอลโรงเรียนเกาะสีชัง  เป็นแผ่นหินขนาดใหญ่จารึกเรื่องการสร้างพระราชฐานบนเกาะสีชัง

เก๋งจีน  ลักษณะเป็นศาลาโบราณ  มีรูปมังกรและนกยูงประดับอยู่ตามยอด  เคยเป็นที่ประทับชั่วคราวของรัชกาลที่ 5 ครั้งพระองค์เสด็จประพาส  ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่  จนกลับคืนความงามดังเดิม

พระจุฑาธุชราชฐาน  อยู่ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ  สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับฤดูร้อน  ภายในบริเวณมีภูมิทัศน์สวยงาม  ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง  ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา  พระตำหนักทรงปั้นหยา  เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง  ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม  ตึกเขียว (เรือนมรกตสุทธิ์)  ตึกอภิรมย์  และวัดอัษฎางค์นิมิตบนยอดเขา  ซึ่งก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก  ส่วนพระราชวังทำด้วยไม้สักได้รื้อไปก่อสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆที่กรุงเทพฯ

หาดเขาถ้ำพัง  อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ  เป็นชายหาดกว้าง  สะอาด  และสวยงาม  เม็ดทรายละเอียด  น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ

วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร  เป็นพระอารามหลวงซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2435  เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จฯ  เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก  ในวาระที่ประสูติ ณ เกาะสีชัง  วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคยาศิระ  มีโบสถ์  หอระฆัง  พระพุทธบาทจำลอง  และพระประธานปางมารวิชัยที่งดงาม

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลอำเภอศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร
การเดินทาง : เดินทางโดยเรือเมล์จากศรีราชา  ใช้เวลาประมาณ 45 นาที  โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือจรินทร์  ถนนเจิมจอมพลในอำเภอศรีราชา  มีเรือโดยสารไปเกาะสีชังทุกวัน  ระหว่างเวลา 07.00-20.00 น.  ออกทุกๆชั่วโมง  อัตราค่าโดยสาร  คนละ 20 บาท  และจากเกาะสีชังกลับเข้าฝั่งศรีราชา  มีเรือวิ่งตั้งแต่ 06.00-18.00 น. มีเรือออกทุกๆชั่วโมง  สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เรือสีชังพาเลซ  โทร. 0-3821-6276-82  และเรือแสงประทีปบริการ  โทร. 0-3831-3687
เวลาทำการ : สามารถเที่ยวชมได้ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

สวนเสือศรีราชา

tigerL1

สวนเสือศรีราชา (Sriracha Tiger Zoo) เป็นสถานที่จัดแสดงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว  รวมทั้งยังมีจระเข้อีกกว่า 100,000 ตัว  และสัตว์อื่นๆอีกนานาชนิด นักท่องเที่ยวจะได้ชมการอยู่ร่วมกันของเสือกับหมูและสุนัข  มีการแสดงจับจระเข้  การแสดงหมูวิ่งแข่ง  ราชินีแมงป่อง  ฯลฯ  สวนเสือศรีราชาจัดตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 250 ไร่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2540 โดยดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานเพื่อพัฒนาพันธุ์สัตว์  อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนันทนาการ   พร้อมให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ โชว์ละครสัตว์ “Amazing Circus” เป็นการแสดงความสามารถของสัตว์  ประกอบด้วยการแสดงของเสือโคร่ง  หมี  ลิงชิมแพนซี  โจ๊กเกอร์โชว์  ชมความสามารถของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลที่สามารถลอดบ่วงไฟ  เดินบนสะพานเชือก  ทำตามคำสั่งของครูฝึก  และอีกหลายความสามารถ  โดยโรงละครสัตว์นี้สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 1,500 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 341 หมู่ 3 กม. 20  ทางหลวงสาย 7 (ชลบุรี-พัทยาสายใหม่)  ตำบลหนองขาม  อำเภอศรีราชา
การเดินทาง : อยู่ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา)  ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก  50 บาท  ชาวต่างชาติ  ผู้ใหญ่ 250 บาท  เด็ก 150 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-6556-8, 0-293-47841, 0-2934-6259  โทรสาร  0-3829-6559
เว็บไซต์  www.tigerzoo.com

พัทยา

pattaya_news

พัทยา  เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ  และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก  โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ  จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเริ่มจากทหารอเมริกันได้แวะขึ้นฝั่ง  แล้วเช่าบ้านพักตากอากาศที่พัทยาเป็นประจำทุกสัปดาห์  ต่อมาพัทยาจึงได้พัฒนาขึ้นจากหมู่บ้านชายทะเลอันเงียบสงบ  กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศระดับนานาชาติดังที่ปรากฏในปัจจุบัน

หาดพัทยา  เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ  โดยแบ่งเป็นพัทยาเหนือ  พัทยากลาง  และพัทยาใต้  โดยที่หาดพัทยาใต้นั้นถือเป็นศูนย์รวมความเจริญและแสงสี  ยามค่ำคืนมีการปิดถนนเป็น Walking Street ให้นักท่องเที่ยวเดินช็อปปิ้งได้โดยสะดวก  ส่วนบริเวณชายหาดก็ร่มรื่น  แถวๆหาดพัทยาเหนือเป็นบริเวณที่สงบกว่าส่วนอื่น  นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิยมไปเล่นน้ำพักผ่อน  หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ  ส่วนชายหาดพัทยากลางไปถึงพัทยาใต้จะคึกคักคับคั่งกว่า  เพราะเป็นย่านธุกิจ  ร้านค้า  โรงแรม  ห้างสรรพสินค้า  ร้านขายของที่ระลึก  และแหล่งบันเทิงครบวงจร

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชลบุรีประมาณ 50 กิโลเมตร  และห่างจากกรุงเทพฯ 140 กิโลเมตร  ช่วงระหว่างอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ

การเดินทาง :
-รถยนต์ส่วนตัว  จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทเข้าสู่เมืองพัทยา  มี 3 เส้นทางหลัก  ได้แก่  สุขุมวิท-พัทยาเหนือ (หลัก กม. 144) สุขุมวิท-พัทยากลาง (หลัก กม. 145-156) และสุขุมวิท-พัทยาใต้ (หลัก กม. 147)  ทั้งสามสายจะไปพบกันที่ถนนเลียบหาดพัทยา  โดยถนนที่ใช้ท่องเที่ยวย่านเมืองพัทยา  คือ  ถนนนาเกลือ  ผ่านหาดวงอำมาตย์  ปราสาทสัจธรรม  ถนนเลียบชายหาด  เป็นวันเวย์ผ่านพัทยาเหนือ  พัทยากลาง  และพัทยาใต้  ถนนพัทยาสาย 2  จะผ่านแหล่งบันเทิง  ที่กิน  ที่พักมากมาย  ถนนเขาพระบาท  เป็นทางไปเที่ยวชมวิวบนเขาพระบาทและต่อไปยังหาดจอมเทียนได้  หรือจากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (Motorway) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา  เริ่มต้นจากด่านพระราม 9 ไปออกที่อำเภอบางละมุง  แล้วตรงสู่พัทยา  ระยะทาง 124 กิโลเมตร

-รถโดยสารประจำทาง  จากกรุงเทพฯ ขึ้นได้ที่สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย)  และสถานีขนส่งหมอชิตใหม่  มีรถออกตลอดวัน
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2391-2504, 0-231-9829  หรือติดต่อบริษัทรุ่งเรืองโค้ช  จำกัด โทร. 0-2271-2962

-รถไฟ  มีสายกรุงเทพฯ-พัทยา-พลูตาหลวง  ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง  วันละ 1 เที่ยว  เวลา 06.55 น. ถึงสถานีพัทยาเวลา 10.45 น. (รวมเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 40 นาที)  สถานีรถไฟพัทยาอยู่นอกเมืองพัทยาเยื้องกับทางเข้าถนนพัทยานอก  โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020

ติดต่อ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ภาคกลาง  เขต 3 โทร. 0-3842-7667, 0-3842-8750
เว็บไซต์  www.tat.or.th, www.pattaya.com, www.welcometopattaya.com

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

maxresdefault-17

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว  เป็นป่าแห่งเดียวของชลบุรี  ดำเนินงานโดยองค์การสวนสัตว์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมสัตว์มากถึง 300 ชนิด  ทั้งสัตว์ของไทยและจากต่างประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นช้าง  กระทิง  วัวแดง  ฮิปโปโปเตมัส  ชะนี  ค่าง  ลิงลม (นางอาย)  ม้าลาย  ยีราฟ  นกกระจอกเทศ  ไฮยีน่า  เสือ  สิงโต  กวางดาว  ละมั่ง  แพะภูเขา  เลียงผา  หมี  นกยูง  นกกระเรียน  นกเงือก  ฯลฯ  ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติเหมาะแก่อุปนิสัยของสัตว์นั้นๆ  และสามารถให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด  แต่ก็ยังมีบางส่วนอยู่ในกรงเพื่อกันการหลบหนี  และเพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง

สวนสัตว์เปิดเขาเขียวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517  โดยฟื้นฟูสภาพป่าเขาเขียวที่เสื่อมโทรมขึ้นมาใหม่  จากนั้นได้นำสัตว์บางส่วนจากสวนสัตว์ดุสิตมาปล่อยเลี้ยงไว้ตามสภาพธรรมชาติ  แล้วเริ่มเปิดให้คนเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2521  ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่  นับเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก  แบ่งออกเป็นส่วนวิจัยและศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าหายาก   สวนสัตว์เปิด  และส่วนบริการ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ  “สวนนก”  ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยตาข่าย  กินพื้นที่ถึง 5 ไร่   ภายในมีเส้นทางเดินขึ้นไปเนินเขา  แล้ววนกลับลงมา  ที่นี่มีนกหลายชนิดส่งเสียงร้องและบินไปมาอยู่ทั่วสวน  อาทิ  นกฟลามิงโก้  นกเขียวคราม  นกกางเขนดง  นกแต้วแล้ว  นกขมิ้น  ไก่ฟ้า  เป็ดก่า  และอื่นๆ  นอกจากนี้ทุกวันยังมีการจัดกิจกรรมชมสัตว์ในเวลากลางคืน  (Night Safari)  แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย

ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขาเขียว  ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเข้าไป 25 กิโลเมตร
การเดินทาง :
-รถยนต์ส่วนตัว  จากถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดบางพระ  เดินทางไปตามป้ายบอกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว  ที่มีอยู่อย่างชัดเจนเป็นระยะๆ  ถนนจะลัดเลาะไปตามขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ  ผ่านสนามกอล์ฟบางพระ  ขึ้นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา)  จากนั้นตรงต่อไปอีก 7 กิโลเมตร  จนถึงปากทางเข้าสวนสัตว์ฯ  สามารถขับรถวนภายในสวนสัตว์  และจอดแวะชมตามจุดต่างๆได้โดยสะดวก
-รถสองแถว  คิวอยู่ในถนนไปอ่างเก็บน้ำบางพระ  ตรงข้ามศาลเจ้า  จะรอให้คนเต็มหรือจะเหมาไปก็ได้
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น.  ส่วนบริการ Night Safari มี 2 รอบ  คือเวลา 19.00 น. และ 20.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท  ชาวต่างชาติ 300 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-8270, 0-3829-8195  โทรสาร. 0-3829-8272
เว็บไซต์  www.zoothailand.com

เขาสามมุข

202642_350321725053395_227760917_o

เขาสามมุข  เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงควบคู่กับหาดบางแสน  เป็นทั้งที่ตั้งของศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์  และเป็นจุดชมวิบนยอดเขาสูงที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเล่นน้ำที่หาดบางแสน  ก่อนกลับบ้าน  มักจะแวะเที่ยวที่นี่เช่นกัน  อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่มีร้านอาหารทะเลอร่อยๆอยู่หลายร้าน

ศาลเจ้าแม่สามมุข  เป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ภายใต้หลืบผาหิน  บริเวณเชิงเขาสามมุขด้านทิศเหนือหันหน้าออกสู่ทะเล  โดยย้ายมาจากบริเวณด้านตะวันตกของเขาสามมุข  ศาลแห่งนี้มักมีผู้คนแวะมากราบไหว้ขอพร  และบนบานกันอยู่เสมอ  โดยผู้ที่ได้รับผลสำเร็จตามคำขอจะแก้บนโดยการจุดประทัด  และซื้อสร้อยมุขมาถวายแด่รูปปั้นเจ้าแม่  นับเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวจีน  ฮ่องกง  และไต้หวัน  นิยมปฏิบัติกันมาก  ชั้นบนของศาลเจ้าแม่ฯ เป็นวิหารพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ให้สักการะ  บริเวณหน้าวิหารมีระเบียงชมวิวทะเลด้วย

จุดเด่นอีกอย่าง คือ  ฝูงลิงป่า  ที่อาศัยอยู่บนเขาหินลูกนี้มาแต่เดิม  พวกมันมักจะออกมาอวดโฉมเพื่อขออาหารกันอยู่ตลอดวัน  ลิงป่าที่นี่มีจำนวนนับพันตัว  และบางตัวค่อนข้างดุ  จึงต้องระวังด้านความปลอดภัยด้วย

ที่ตั้ง : อยู่บริเวณแหลมสามมุข  จากอ่างศิลาไปตามทางหลวงหมายเลข 3134 อีกราว 3 กิโลเมตร  พบป้ายบอกทางไปเขาสามมุข  เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 1 กิโลเมตร  จนถึงศาลเจ้าแม่สามมุข  หรือถ้ามาจากหาดบางแสน  ใช้ถนนเส้นเลียบหาดมุ่งตรงสู่แหลมแท่น  จะมีป้ายบอกทางไปตลอด  ห่างจากหาดบางแสนราวๆ 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : เขาสามมุขไม่มีรถสองแถวผ่าน  จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก  หรือไม่ต้องเช่ารถสองแถวจากตลาดหนองมนให้ไปส่ง  แล้วรอรับกลับก็ได้
เวลาทำการ : เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะ  จึงผ่านไปชมได้ตลอดเวลา  แต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว  นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนและกราบไหว้ศาลเจ้าแม่สามมุขในเวลากลางวัน  จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

หาดบางแสน

bangsanL3

หาดบางแสน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยมาช้านาน มีถนนตัดเลียบหาดเคียงคู่ไปกับทิวมะพร้าว   ถัดเข้าไปมีร้านอาหาร  ร้านขายของที่ระลึก  และที่พักเรียงรายอยู่จำนวนมาก  นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ทะเลกันบนเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาด  พร้อมมีบริการห่วงยางให้เช่าว่ายน้ำ  มีเรือบานาน่าโบ๊ต  จักรยานให้เช่า  และห้องอาบน้ำจืด  ทุกวันหยุดหาดบางแสนจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว  เนื่องจากเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด  จึงสามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับได้

บางแสนเริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486  จนถูกขนานนามว่า “บางแสนดินแดนสุขี”  มีผู้เดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก  จนครั้งหนึ่งบางแสนเคยทรุดโทรม  ผิดกับปัจจุบันที่ได้รับการดูแลจัดระเบียบอย่างดี  จึงกลายเป็นชายหาดที่สะอาด  น่าเที่ยวในทุกฤดูกาล  โดยหาดบางแสนนี้มีความยาวต่อเนื่องกันถึง 4.5 กิโลเมตร  แบ่งออกเป็น 3 ส่วน  คือ  หาดบางแสน  เป็นช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน  ถัดมาคือ  แหลมแท่น  เป็นช่วงเหนือสุดของหาด  มีโขดหินสวยงาม  ลงเล่นน้ำไม่ได้  และส่วนสุดท้ายคือ  หาดวอนนภา  เป็นชายหาดตอนใต้สุด  บรรยากาศเงียบสงบ  มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็กๆ กระจายอยู่ห่างๆ กัน

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร  ที่ตำบลแสนสุข  แยกขวาจากถนนสุขุมวิท   ตรงหลัก กม. 104 เข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถสองแถวได้ที่ตลาดหนองมนเข้าสู่หาดบางแสน  มีรถวิ่งตลอดวัน
เวลาทำการ :  เที่ยวชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

วัดใหญ่อินทาราม

BV 709

วัดใหญ่อินทาราม  เดิมชื่อ “วัดหลวง” เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่เมืองชลบุรี  สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย  ในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครูที่งดงามมาก  สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์  ทรงตรัสชมว่า  “ฝีมืองามมาก  อย่าให้ซ่อมแซมเป็นอันขาด”  โดยเฉพะภาพจิตรกรรมฝาผนังเหนือขอบหน้าต่างเป็นภาพเทพชุมนุม  ส่วนที่ผนังสองด้านเขียนเรื่องทศชาติชาดก  พระเวสสันดรชาดก  และยังมีพลับพลาตรีมุข  สร้างด้วยไม้ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดทรงเครื่องกษัตริย์  เรียกกันว่า “หลวงพ่อเฉย”
ถ้าเป็นไปได้  ควรไปเที่ยวชมวัดนี้ในวันพระ  เพราะถ้าเป็นวันธรรมดา  ต้องติดต่อขอกุญแจโบสถ์จากเจ้าอาวาส  นอกจากนี้ยังมีพระนักวิชาการพานำชมและอธิบายให้ความรู้ด้วย

ที่ตั้ง :
อยู่กลางเมืองชลบุรี  จากถนนสุขุมวิท  เลี้ยวเข้าตัวเมืองชลฯ  ที่สี่แยกเฉลิมไทย  เข้าสู่ถนนโพธิ์ทอง  แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจตน์จำนงค์  วัดอยู่ทางด้านซ้ายมือ  ก่อนถึงสี่แยกตัดกับถนนอัครนิวาส (สี่แยกท่าเกวียน)  หน้าวัดมีลานจอดรถกว้างขวาง
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถสองแถวสายรอบเมืองชลบุรีได้
เวลาทำการ : เที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลาประมาณ  08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : โทร. 0-3827-5844